โดย ... ทพญ.กมลชนก เดียวสุรินทร์
เด็กๆสมัยนี้โชคดีมากที่พ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจดูแลเรื่องสุขภาพช่องปากและฟันของลูกตั้งแต่เล็ก พ่อแม่เด็กหลายๆท่านบอกว่า ไม่อยากให้ลูกต้องปวดฟันหรือมีความรู้สึกกลัวการหาหมอฟันเหมือนตนเอง หลายๆคนสงสัยว่า เด็กเล็กๆเมื่อไปพบหมอครั้งแรก หมอจะทำอะไรได้มั้ย และจะทำอะไรบ้าง
บ่อยครั้งที่หมอเจอผู้ปกครองเด็กบอกว่า กลัวว่าลูกจะกลัว จะไม่ยอมให้ตรวจฟัน หรือกลัวว่าลูกจะไม่ยอม ... หมออยากบอกว่า ไม่ต้องกลัวค่ะ ลูกไม่ยอมแน่ๆ ^_^ ยิ่งเด็กเล็กๆเจอคนแปลกหน้ามาจับตัว เค้าอยากจะหนีอยู่แล้ว นี่มาจับนอนอ้าปากอีก ก็ร้องดังลั่นกันทุกรายค่ะ แต่พอลูกร้องก็มักจะอ้าปากกว้าง ให้หมอเห็นฟันทุกซี่ แค่นี้หมอก็ตรวจฟันลูกได้แล้วค่ะ เด็กเล็กๆมีฟันไม่กี่ซี่ ดูแป๊บเดียวก็ตรวจเสร็จ ร้องก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่ก็มีอยู่บ้าง ที่หมอได้เจอเด็กน้อยที่ไม่ร้องไห้ แถมอ้าปากให้นับฟันดีๆ (แต่อย่านาน) ทำเอาทั้งหมอทั้งแม่ (ที่กำลังกลั้นหายใจลุ้นลูกอยู่) ได้แอบร้องเย้เย้ในใจ มีความสุขง่ายๆกันไป แบบนี้ก็มีค่ะ
คุณพ่อคุณแม่บางท่านเตรียมตัวลูกมาอย่างยอดเยี่ยม มีการเล่นตรวจฟันกันมาจากบ้าน บางท่านให้ลูกดูวิดิโอหรืออ่านนิทานเกี่ยวกับการไปหาหมอฟัน ลูกก็จะมีภาพคร่าวๆถึงการตรวจฟัน และไม่ตกใจเมื่อเจอกับสถานการณ์จริง ยิ่งสมัยนี้มีเกมทำฟันในไอแพด หรือมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้เด็กเล่นบทบาทสมมุติเป็นหมอฟันด้วย (หมอยังไม่เคยเห็นเกมทำฟัน และไปเที่ยวที่แห่งนั้น เพราะลูกโตเกินไปแล้ว จึงยังไม่เคยเห็นของจริง ได้แต่ฟังจากเด็กและผู้ปกครองเล่า) เด็กบางคนที่ได้เล่น ก็พอจะเข้าใจการทำฟัน และไม่ค่อยกลัวมากนัก (แต่หากไม่ได้เล่น ก็ไม่เป็นไรนะคะ คุณแม่บางท่านไม่ได้เตรียมตัวลูกมากมายเลย ทำเหมือนพามาเที่ยว แล้วบอกลูกแค่ว่าพามาโชว์ว่าฟันขาวสวย ขยันแปรงฟันทุกวัน แล้วรับรางวัล ลูกก็มาโชว์ฟันขาวอย่างดี ให้หมอชี้ชวนชมว่ามีขนมติดนิดนึง หมอแปรงออกให้นะ แล้วขัดฟันเคลือบฟลูออไรด์ซะเรียบร้อย รับลูกโป่งไปอย่างไม่ทันรู้ว่ามาทำอะไรก็มี)
ครั้งแรกของการทำฟันเด็กจึงมักจะเริ่มจากวิธีที่ง่ายๆที่เด็กตัวเล็กๆจะรับได้ก่อน เช่นการขัดฟัน เคลือบฟลูออไรด์... การทำฟันที่ง่ายและเสร็จอย่างรวดเร็วนี้ นอกจากได้ทำความสะอาดฟัน พร้อมตรวจฟันไปทุกซี่แล้ว ยังเป็นการเรียนรู้กันและกัน ระหว่างเด็กน้อย หมอฟัน และคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ เด็กน้อยก็ได้เรียนรู้อุปกรณ์การทำฟัน ความรู้สึกสะเทือนนิดๆเวลาขัดฟัน มีที่ดูดน้ำลายดังนิดหน่อย และคำพูดที่หมอฟันใช้ พร้อมเงื่อนไขที่หมอให้ เช่น หมอนับ 1-10 ก็แปรงเสร็จ ส่วนหมอก็ได้เรียนรู้ว่า คนไข้ตัวเล็กๆนี้สามารถให้ความร่วมมือได้แค่ไหน อดทนได้หรือไม่ได้กับอะไร และร้องไห้ต่อสู้ขนาดไหน รวมทั้งท่าทีของผู้ปกครองว่าเป็นอย่างไรเมื่อลูกร้องไห้กับการทำฟันที่ง่ายๆไม่เจ็บเลยแบบนี้ นอกจากนี้ ผู้ปกครองก็ได้เรียนรู้เช่นกันว่า หมอจะทำอย่างไรบ้าง และลูกมีปฏิกิริยาขนาดไหน หมอสามารถจัดการลูกได้อย่างไรในการรักษา
ครั้งแรกของเด็กๆที่มาทำฟัน สำหรับหมอจึงมักจะไม่ต้องใช้เวลาทำฟันกันนานนัก แต่ใช้เวลาในการพูดคุยอธิบายกับคุณพ่อคุณแม่มากกว่า หากลูกไม่มีฟันผุ คำอธิบายก็มาเน้นเรื่องการป้องกันฟันผุ ให้ลูกมีฟันที่สวยอย่างนี้ไปตลอด แต่หากลูกมีฟันผุ หมอก็ต้องอธิบายเพิ่มเติมถึงการรักษาฟันที่ผุ ทั้งวิธีรักษา และขั้นตอนว่าจะรักษาซี่ไหนก่อนหลังอย่างไร รักษากันกี่ครั้ง จะใช้วิธีไหนให้สามารถทำฟันให้ลูกได้จนสำเร็จ ฯลฯ การพาเด็กมาทำฟันจึงต้องใจเย็น อาจทำได้ครั้งละ 1-2 ซี่ หรือซี่ที่เป็นปัญหานั้นอาจยังไม่ถูกรักษาในครั้งแรกก็เป็นได้ เมื่อเด็กคุ้นเคยกับการทำฟันง่ายๆ เขาก็จะยอมรับขั้นตอนที่ยากเพิ่มขึ้นทีละน้อยได้
สมัยหมอยังเป็นน้าหมอ หลายครั้งที่เจอคุณแม่บังคับให้หมอทำซี่ที่น้องปวดอยู่ก่อนเมื่อทำเสร็จก็พากันหายไปพักใหญ่ ทั้งๆที่มีฟันผุควรอุด(ก่อนจะปวด)อีกหลายซี่ นัดให้มาทำก็ไม่มา แล้วก็กลับมาอีกทีเมื่อลูกปวดฟันซี่ต่อๆไป อาจจะเป็นเพราะในครั้งแรก เด็กก็ได้รับการรักษาที่ยาก ก็มีประสบการณ์ว่าการทำฟันมันเจ็บ ทำให้กลัวการทำฟัน เมื่อลูกกลัวพ่อแม่ก็เลยไม่พามาอีก ทั้งๆที่ซี่อื่นๆอาจเป็นการอุดฟันง่ายๆ เมื่อผู้ปกครองไม่พามาอุดฟันขณะที่มันยังอุดได้ ฟันก็ผุเพิ่มขึ้นจนปวด แล้วเด็กก็โดนทำฟันที่ยากๆและมีขั้นตอนเจ็บอีก เป็นอย่างนี้เรื่อยไป เด็กเหล่านี้น่าสงสารจริงๆ
พอได้เลื่อนขั้นเป็นป้าหมอ แรกๆก็แอบเศร้าคอยส่องกระจกดูว่า หมอดูเป็นป้าแล้วจริงเหรอ (จริง - มีเสียงตอบมา แง๊... ตอนนี้รับสภาพไปโดยดุษฎีแล้วค่ะ ) แต่ข้อดีของการเป็นป้าหมอ ก็คือ หมอไม่โดนคุณพ่อคุณแม่ของเด็กน้อยบังคับให้รักษาซี่นั้นซี่นี้ก่อนอีกแล้ว หมอสามารถวางแผนการรักษาตามขั้นตอนที่ควรจะทำได้ ทั้งเด็กทั้งหมอก็ได้โอกาสค่อยๆทำฟันกันไป จากงานง่ายไปยาก ยากแล้วกลับมาง่ายใหม่ เด็กได้เรียนรู้ว่า ทำฟันก็มีไม่เจ็บ ส่วนขั้นตอนที่เจ็บก็เพราะฟันซี่นั้นผุมากจนปวด มันมีเหตุผล และเด็กแทบทุกคนมีเหตุผล นอกจากนั้นในการรักษากันแต่ละครั้ง การพูดคุยเสริมสร้างทัศนคติให้เด็กน้อยรู้จักดูแลตัวเองไม่ให้ฟันผุก็เป็นอีกงานหนึ่งทีหมอฟันจะให้กับเด็กๆด้วย ...
หมอฟันที่พร้อมทำฟันให้เด็กน้อยทุกคน มีความตั้งใจจะดูแลรักษาให้เด็กๆมีฟันที่แข็งแรง มีสุขภาพช่องปากที่ดี ไม่ใช่แค่เป็นช่างทำฟันที่ทำแค่อุดๆปะๆถอนๆตามอาการเป็นครั้งๆไปนะคะ คุณพ่อคุณแม่ของเด็กๆจึงเป็นคนสำคัญที่สุดที่จะทำให้ความตั้งใจนี้ของหมอสำเร็จได้ และลูกของคุณพ่อคุณแม่ก็จะมีสุขภาพช่องปากที่ดีไปนานๆค่ะ
ขอให้ first date ของลูกกับหมอฟันเป็นไปอย่างหวานชื่นนะคะ ^_^
หมอมดแดง